พ่อของแผ่นดิน

พ่อของแผ่นดิน

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

HS1A

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้เครื่องวิทยุสื่อสารเพื่อการสดับตรับฟังข่าวสารและทุกข์สุขของพสกนิกรและพระราชทานความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ปรากฏว่ามีอยู่บ่อยครั้งที่การติดต่อสื่อสารทางวิทยุของพระองค์มิได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
เนื่องจากคลื่นวิทยุในย่านความถี่ทรงใช้งานถูกรบกวนพระองค์จึงทรงสนพระทัยเป็นพิเศษที่จะค้นหาต้นเหตุของการรบกวนเพื่อจะได้กำหนดมาตรการป้องกันแก้ไขให้ถูกต้อง

การรบกวนของเครื่องวิทยุ
นอกจากจะเกิดจากการผสมคลื่นระหว่างกันแล้วยังอาจมีการรบกวนที่เกิดจากคลื่นวิทยุของสถานีอื่นที่ทำการส่งด้วยขนาดความถี่เดียวกันหรือ Jamming
ซึ่งมีทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนาและมาตรการที่จะต้องนำมาแก้ไขการรบกวนในลักษณะดังกล่าว
จำเป็นจะต้องสืบหาต้นตอคือ สถานีวิทยุที่ส่งคลื่นมารบกวนให้ได้ โดยใช้เทคนิคการหาทิศวิทยุ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าพระทัยอย่างลึกซึ้งถึงหลักการและเทคนิคในการหาทิศวิทยุเป็นอย่างดี


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติการหาทิศวิทยุร่วมกับพลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
โดยทรงใช้อุปกรณ์ตรวจสอบที่มีอยู่ในขณะนั้น ซึ่งยังไม่ทันสมัยเช่นในปัจจุบัน ได้แก่

* เครื่องรับวิทยุที่ทรงใช้เฝ้าฟัง
* เครื่องวัดความแรงของสัญญาณวิทยุ (Radio Field Strength Meter)
* สายอากาศชนิดทิศทางเดียว (Unidirectional Antenna) แบบ "ยากิ" (Yagi) และแบบ
"ล็อกพิเรียดิก" (Log Periodic)
* แผนที่เขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงขนาดต่างๆ และ
* เครื่องมือสื่อสารระหว่างหน่วยปฏิบัติการร่วมได้แก่เครื่องรับ-ส่งวิทยุสื่อสารข่ายพิเศษ
เครื่องโทรศัพท์ และเครื่องเทเล็กซ์(โทรพิมพ์)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติการตรวจสอบค้นหาสถานีวิทยุที่ส่งคลื่นเข้ามารบกวนหลายครั้ง และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ การค้นหาทิศวิทยุ เมื่อเครือข่าย "ปทุมวัน"ได้ถูกสถานีวิทยุแห่งหนึ่งส่งคลื่นเข้ามารบกวนมีความแรงมากจนไม่สามารถติดต่อกับสถานี วิทยุลูกข่ายทั้งที่เป็นสถานีประจำที่และเคลื่อนที่ได้เป็นเวลานานและต่อเนื่อง การสื่อสารในข่ายนี้ต้องหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง สร้างความโกลาหลให้แก่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างยิ่ง


เมื่อความทราบถึงพระกรรณ การปฏิบัติการตรวจสอบและหาทิศวิทยุจึงเริ่มขึ้นเมื่อเวลาใกล้ค่ำ
โดยเริ่มจากการตรวจหาทิศวิทยุของสถานีประจำที่
และทรงพบจุดพิกัดโดยประมาณของสถานีที่ส่งคลื่นวิทยุมารบกวน โดยคาดว่าจะอยู่แถวอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับสั่งให้นำสถานีตรวจสอบฯ
เคลื่อนที่ออกปฏิบัติการมุ่งไปสู่ทิศทางดังกล่าว ในระหว่างเดินทาง ได้มีการตรวจสอบพิกัดเป็นระยะๆ
เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าได้เดินมาตามเส้นทางที่ถูกต้องแล้วและได้มาถึงที่หมายในเวลาใกล้เที่ยงคืน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสให้ตรวจสอบความแรงของสัญญาณและใช้สายอากาศหาทิศที่นำไปเพื่อตรวจ สอบทิศทางด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ความแรงของสัญญาณวิทยุที่วัดได้ ณ จุดที่ทำการตรวจสอบจุดนี้กลับมิได้สูงสุดตามที่คาดคิด เครื่องอุปกรณ์หาทิศยังคงแสดงจุดและทิศทางชี้ไปตามเส้นทาง กรุงเทพฯ-ชลบุรี เพื่อจะให้ต้องติดตามค้นหาต่อไป แต่โดยที่ขณะนั้นเวลาได้ล่วงเลยไปจนใกล้รุ่งแล้ว พระองค์ท่านจึงรับสั่งให้ระงับการค้นหาไว้ชั่วคราว โดยได้รับสั่งว่า "หากจะ ว ๔ (ปฏิบัติการ) ให้ได้ผลจำเป็นจะต้องเปิดสถานีประจำที่บางเขน ทำงานร่วมอีกสถานีหนึ่ง
จุดตัดของสามสถานีที่ปฏิบัติการร่วมกันจึงจะแน่นอนยิ่งขึ้น"


แนวกระแสพระราชดำรินี้ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนปฏิบัติการใหม่ในวันรุ่งขึ้นโดยมีการปฏิบัติงานของสถานีตรวจสอบ ฯ พร้อมกัน ๓ สถานี คือ สถานีประจำที่ ๒ สถานี และสถานีตรวจสอบเคลื่อนที่
ออกไปตรวจหาตามเส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรีในวันรุ่งขึ้น

ในที่สุดก็สามารถค้นพบสถานีวิทยุที่ส่งคลื่นรบกวนได้เป็นสถานีวิทยุของส่วนราชการหนึ่ง
ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงก่อนเข้าตัวเมืองชลบุรีเป็นการรบกวนที่ไม่ได้ตั้งใจแต่เกิดขึ้นเนื่องจากความเสื่อมของอุปกรณ์ภายในเครื่องซึ่งทำหน้าที่สร้างความถี่วิทยุ (Oscillator)
เป็นเหตุให้คลื่นวิทยุที่แผ่กระจายออกไปในอากาศมีความถี่คลาดเคลื่อนไป
และบังเอิญไปเท่ากับความถี่ที่ใช้ในข่ายการสื่อสารของกรมตำรวจพอดี
เมื่อได้มีการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงานแล้ว การรบกวนก็สิ้นสุดไป


---------- จบเรื่อง HS1A (ในหลวง) ทรงปฏิบัติการหาทิศวิทยุ -------

ต่อด้วยความน่าภาคภูมิใจ

ทำไมต้อง HS  ????
ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆ กับ ประเทศไทย ก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศตัวเอง

เช่น ญี่ปุ่น หรือ เจแปน ได้ JA ส่วนเยอรมันซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL
แล้วคำว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษ เขียนไว้ว่า

"เรื่องนี้ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยา ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรม กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เล่าให้ผมฟังว่า ในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว HS ที่ทรงเลือก อักษร HS เพราะจะให้มีความหมายว่า
" His Majesty The King Of SIAM " ในสมัยนั้นประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่
เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจึงมีสัญญาณเรียกขาน ว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มีสัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า HSATV ฯลฯ"


ใครที่มีสัญญาณเรียกขานที่ขึ้นต้นด้วย HS ขอให้ภูมิใจและรักษาไว้ให้ดีด้วยนะคะ

** เนื้อหานี้คัดลอกมาจากหนังสือ "คู่มือคนรักวิทยุ" หน้าที่ 148

4 ความคิดเห็น (+add yours?)

HS9UCU กล่าวว่า...

ว้าว..ๆๆ ... แจ่ม..ทั้งนั้นอ่ะ..ขอบคุณข้อมูลแจ่มๆ คร้าบ...ผอ.

นายพจนาถ มากรักษ์ กล่าวว่า...

เรายินดีหามาให้ถ้าท่านต้องการ เพราะทุกความคิดเห็นคือกำลังใจ

HS9UCU กล่าวว่า...

ว้าวๆๆๆ หัวเว็ปงามแต้ๆๆ เลยจร้า..อินเทรนด์อีกต่ะหาก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขออนุญาตใช้ไฟล์พระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงวิทยุเพื่อใช้ในเว็บไซต์นักวิทยุสมัครเล่นเชียงใหม่ด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น